วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทำไม? ผมต้องไปเลือกคนเหล่านี้

ผมได้อ่านเรื่องราวต่างๆ ของการเมืองไทยในหน้าสื่อหลากหลายชนิดแล้ว  ผมรู้สึกเบื่อหน่ายมากกับเรื่องราวของนักการเมือง กลุ่มการเมือง และพรรคการเมือง ที่กำลังชูนโยบายหาเสียงอยู่ในขณะนี้ 

เพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์แล้วว่า ผลงานของคนเหล่านี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

"คนไทยขาดความรักความสามัคคี สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกหลบหลู่เหยียดหยาม ต่างชาติเข้ามายึดครองเศรษฐกิจแบบเบ็ดเสร็จ  คนไทยเป็นหนี้กันถ้วนทั่วกับสถาบันการเงินต่างชาติ  กรรมสิทธิ์บนพื้นแผ่นดินไทยถูกต่างชาติแย่งชิงยึดครอง  เงินงบประมาณของประเทศชาติถูกคอรัปชั่นไปแบ่งสรรสร้างความสุขในหมู่ กลุ่ม และพรรคพวกของตนเอง ระบบข้าราชการอ่อนแอไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชน ฯลฯ"

ผมพยายามกลับมาถามตัวเองว่า 

ทำไม? ผมต้องไปเลือกคนเหล่านี้  

ทำไม? คนไทยจึงต้องไปเลือกคนเหล่านี้ ให้ขึ้นมาปกครองประเทศไทย

จริงๆ แล้ว ผมก็สามารถ Vote NO ได้

แต่ประเทศไทยก็คงไปไหนไม่รอดเหมือนเดิม เพราะมันก็ไม่ได้คนดีมาปกครองบ้านปกครองเมืองอยู่ดี เพราะไม่มีคนดีที่อาสา..เข้ามาให้เราเลือก

อนาคตประเทศไทย จะไม่มีใครเชื่อใคร ไม่มีใครปกครองใครได้ เพราะทุกคนเก่งหมด ปากก็พร่ำว่า "เพื่อชาติและประชาชน" แต่จริงๆ แล้ว มันคือ "ตัวกู ของกู" มากกว่า

บทเรียนในอดีตน่าจะสอนคนไทยได้ดี การเลือกตั้งที่จะถึงในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏาคม 2554 ที่จะถึงนี้ มีแนวโน้มว่า กลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง...เพราะเขารู้วิธีว่า เขาจะได้เสียงข้างมากได้อย่างไร...เขารู้ดีว่าจุดอ่อนของคนไทย (ส่วนใหญ่) อยู่ตรงไหน...เขาเห็นว่าคนไทย (ส่วนใหญ่) คือคนโง่ๆ คนหนึ่ง...ที่เขาจะใช้ทำอะไรก็ได้.....ชี้นกก็ได้นก..ชี้ไม้ก็ได้ไม้...

ผมขอหยิบเรื่องราว "รูปแบบของอำนาจ" ที่ ดร.วุฒิพงษ์  เพรียบจริยวัฒน์  เขียนไว้ในหนังสือ "คู่มือทรราชย์"  เมื่อปี พ.ศ.2543 มาทบทวนกันอีกครั้ง ท่านเขียนว่า รูปแบบของอำนาจนั้นมีด้วยกัน 8 รูปแบบ คือ
  1. เงิน เงินคืออำนาจ อำนาจคือเงิน มันเป็นสัจธรรมมาทุกยุคทุกสมัย
  2. ธุรกิจผูกขาด คือ ครอบครองธุรกิจแต่เพียงผู้เดียว เช่น ธุรกิจการเงิน น้ำมัน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางด่วน ฯลฯ
  3. การควบคุมกลไกของรัฐ ทั้งการเมือง ระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระ
  4. ความรู้ ครอบครองนักวิชาการต่างๆ ที่มีทั้งขายตัวและพร้อมที่จะขายตัว ความรู้เหล่านี้อาจใช้เพื่อประโยชน์ของชาติได้ แต่ในทางกลับกันก็สามารถใช้ปล้นชาติได้เช่นเดียวกัน
  5. ภาพลักษณ์ สวย หล่อ เนียน พูดเพราะ เป็นผู้ดี แลดูมีเสน่ห์ ภาพลักษณ์เหล่านี้จะทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งอำนาจและความร่ำรวยได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น (แต่ก่อนอาจจะไม่สำคัญนัก แต่ตอนนี้กลายเป็นกระแสที่สำคัญอย่างหนึ่งที่สังคมกำลังตอบรับ)
  6. สื่อ สื่อสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์อำนาจในข้อ 5 ได้ สื่อคืออำนาจที่แท้จริงเบื้องหลังภาพลักษณ์ สื่อสามารถสร้างภาพลักษณ์ให้คนเลวอำพรางตนได้ นอกจากนั้นสื่อมวลชนยังสามารถชี้นำทางความคิดของประชาชนได้ เปลี่ยนเรื่องปกติธรรมดา ให้เป็นประเด็นทางการเมืองได้ ดังนั้นอำนาจอย่างหนึ่งก็คือ การสามารถครอบครองสื่อได้นั่นเอง
  7. เครือข่าย เครือข่ายเป็นอำนาจที่จะสามารถรู้ได้ว่า ใครคือพวกเรา ช่องทางการคอรัปชั่นอยู่ที่ตรงไหน อำนาจต่างๆ อยู่ที่ใคร และจะสามารถเสาะหามาได้อย่างไร ควรจะต้องสร้างพรรคพวกของเราเอาไว้ในเครือข่ายตรงไหน ถึงจะกุมอำนาจไว้ให้ได้มากที่สุด
  8. กำลัง อำนาจรูปแบบนี้ มักถูกนำมาใช้เมื่อไม่สามารถใช้อำนาจรูปแบบอื่นได้แล้ว (ประเทศไทยใช้อำนาจรูปแบบนี้ ทำการปฏิวัติรัฐประหารกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  แต่ไม่สามารถสร้างบ้านแปลงเมืองให้ดีขึ้นได้เลย ดูตัวอย่างปัจจุบันเป็นประจักษ์พยานให้เห็น)
อำนาจทั้ง 8 รูปแบบสามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายโยกย้ายถ่ายเทเล่นแร่แปรธาตุระหว่างกันได้โดยเสรี

อำนาจไม่คงที่ถาวร

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

วันหนึ่ง มันเคยดับไปแล้ว แต่วันนี้ มันกำลังจะกลับมาเกิดใหม่

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หากคนไทยไม่รู้จักจดจำความเจ็บช้ำในอดีต ก็คือ

"การคอรัปชั่นอย่างอภิมโหฬาร การปล้นชาติ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และการทำลายคนดี"

 สวย หล่อ เนียน พูดเพราะ เป็นผู้ดี แลดูมีเสน่ห์
ภาพลักษณ์เหล่านี้จะสามารถทำให้เข้าถึง
แหล่งอำนาจและความร่ำรวยได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
สื่อคืออำนาจที่แท้จริงเบื้องหลังภาพลักษณ์
สื่อสามารถสร้างภาพลักษณ์ให้คนเลวอำพรางตนได้

*********************************

ชาติชาย คเชนชล : 23 พ.ค.2554

ที่มาข้อมูล
วุฒิพงษ์  เพรียบจริยวัฒน์. (2543). คู่มือทรราชย์. กรุงเทพฯ : สถาบันสหสวรรษ.

ไม่มีความคิดเห็น: